การริเริ่มใช้ดนตรีหรือเพลงเพื่อบำบัดให้ได้ประโยชน์ทางการแพทย์เริ่มต้นราวๆช่วงปี 1940 เป็นต้นมา การศึกษาในปัจจุบันมุ่งเน้นไปที่การใช้ดนตรีบำบัดเพื่อกระตุ้นพัฒนาการในวัยเด็ก และการใช้ดนตรีบำบัดเพื่อรักษาหรือบำบัดอาการผู้ป่วยสูงวัย ผู้ป่วยทางจิต และผู้ป่วยออทิสติก เรียกได้ว่าการรักษาทางการแพทย์จึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการใช้ยา หรือสารเคมี นำส่งเข้าร่างกายอีกต่อไป คลื่นเสียง เสียงเพลง ที่เป็นสื่อกลางในการนำเสนอ การบอกเล่าเรื่องราว สามารถปรับเปลี่ยนอารมณ์ผู้ฟังให้คล้อยตาม หรือส่งผลต่อร่างกายของผู้ที่ได้รับฟังได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ศาสตร์ของดนตรีบำบัด
ดนตรีบำบัดคือการใช้ดนตรีในการรักษา จากหลักฐานของงานวิจัยที่เคยทำมาก่อนเพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง โดยดนตรีสามารถทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางกายภายนอกที่สามารถจับต้องได้ นอกเหนือจากความสุนทรีย์หรืออารมณ์ที่วัดได้ยาก อย่างเช่น การเปลี่ยนไปของอัตราการเต้นของหัวใจ การหายใจ ความดัน คลื่นสมอง การตอบสนองของม่านตา ความหดตึงเกร็งตัวของกล้ามเนื้อ หรือแม้แต่ระบบไหลเวียนโลหิต การใช้ดนตรีมารักษาความเจ็บป่วยเริ่มมานานตั้งแต่ยุคกรีก ซึ่งเชื่อว่า อพอลโลเทพแห่งดนตรี สามารถช่วยรักษาความเจ็บป่วย ขับไล่ผีร้ายได้โดยใช้เสียงเพลง
ฮอร์โมนความสุข
การเล่นดนตรี นอกจากเป็นการฝึกฝนพัฒนาการใช้งานหลาย ๆ ทักษะของตัวผู้เล่นเองแล้ว ผู้เล่นยังได้ฟังเสียงเพลงซึ่งเป็นประโยชน์ต่อตัวผู้เล่นด้วย สารโดพามีนถูกหลั่งออกมาในขณะที่เล่นและฟังเพลง สารนี้ถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ฮอร์โมนความสุข ปล่อยออกมาจากเนื้อเยื่อประสาทและต่อมหมวกไตเป็นส่วนใหญ่ ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่ม แรงดันโลหิตเพิ่ม รู้สึกตื่นตัว กระฉับกระเฉง มีสมาธิมากขึ้น และยังตื่นรู้ต่อสิ่งที่มากระตุ้นระบบประสาทสัมผัสด้านต่าง ๆ ด้วย ยิ่งมีการหลั่งสารนี้มากขึ้นเท่าไร ก็จะยิ่งมีความพึงพอใจหรือมีความสุขมากขึ้น แปลได้ง่าย ๆ ว่า ไม่ว่าจะเป็นเพลงแนวไหน แต่ถ้ามันถูกจริตของคุณ ไม่ว่าจะเล่นหรือฟังคุณก็จะมีความสุข